ทางด้าน นายรุ่งโรจน์ เปิดเผยว่า วันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนเดินทางกลับจากเดินเรือมาพักที่บ้าน ทุกครั้งที่กลับมาจะต้องนำ "พาราชู้ต" หรือ "พลุส่งสัญญาณ" ไปถวายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ ศาลที่ตั้งอยู่ภายในวัดบ้านปงหลวง โดยลูกไฟ หรือดวงไฟสีแดงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า กลางคืนวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.50 น. เกิดจากการที่ตนเองได้จุดพาราชู้ต 2 ลูก บริเวณสวนข้างบ้าน

ขณะที่ ลูกแรกทำการทดสอบจุดลงในคูน้ำ ส่วนลูกที่ 2 ได้ชูขึ้นไปบนท้องฟ้าและหันพาราชู้ตไปทางวัดปงหลวง ประกอบกับ คืนนั้นมีลมพัดสอบไปทางวัดปงหลวงพอดี จากคลิปวิดีโอที่ตนเห็น พาราชู้ตค่อยๆ ตกลงไปทางที่ตั้งศาลของเสด็จเตี่ยพอดี ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญมาก ทำให้มีคนเห็นและเกิดความเชื่อว่าเป็นดวงแก้วพระธาตุศักดิ์สิทธิ์

ทางด้าน นายกฤษณภัทร กล่าวว่า ชาวเรือทุกคนสักการะในพระองค์ท่าน ไม่ว่าทุกครั้งที่จะออกเรือ หรือกลับบ้านจากการเดินเรือ ก็ต้องบูชาพระองค์ท่านด้วยการจุดพลุ จุดประทัด หรือวัตถุที่มีแสงสีแดง เช่น พลุไฟสีแดง รวมถึงพาราชู้ตที่มีลูกไฟสีแดงในเวลากลางคืน เพราะเรือทุกลำจะมีพาราชู้ตประจำเรือแต่ละลำ 12 อัน เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณของความช่วยเหลือทางอากาศ

ทั้งนี้ นายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ นายอำเภอภูซาง จ.พะเยา ทราบข่าวข้อเท็จจริงจึงทำการลงพื้นที่ เดินทางไปที่บ้านปงหลวง หมู่ 7 ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา และสัมภาษณ์กับนักข่าวทางโทรศัพท์ ว่า บัดนี้ความจริงได้ปรากฏแล้ว เชื่อว่าประชาชนคงจะเข้าใจว่าที่มาที่ไปของดวงไฟสีแดงนั้นเกิดจากอะไร ทั้งนี้จึงขอให้สื่อนำเสนอแจ้งข่าวข้อเท็จจริงตามนี้ เพื่อมิให้ประชาชนหลงงมงาย และใช้หลักคิดตามวิทยาศาสตร์

คลิปข่าว

ขอบคุณ thairath