"ซี ศิวัฒน์" เล่าถึงเรื่องราวความรักที่พบเจอว่า "มันไม่ได้เรียกว่าอกหัก แต่เป็นรักต้องห้ามมากกว่า ไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย เพราะรักครั้งนี้มันเกิดขึ้นในแบบที่ไม่ควรจะเกิด เพราะทำงานด้วยกันเยอะจนมันเกิดเป็นความผูกพัน เราเห็นความทุกข์ของอีกฝ่ายตลอดเวลา รักที่เขามีมันไม่เคยเป็นรักที่มีความสุขเลย เป็นรักที่ไม่ดี

"ซี ศิวัฒน์" เผยต่อว่า ตนนั้นไม่ได้ต้องการที่จะเอาตัวเองเข้าไปแทรก แต่แค่ทำหน้าที่อยู่ตรงนี้ อยู่เป็นเพื่อนและรับฟัง อยู่ ๆ ในขณะที่เขานั่งระบาย เขาก็พูดขึ้นมาว่า "เมื่อคืนฝันถึง"พร้อมเล่าบรรยายความฝันว่า นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันแล้วก็หอมแก้มเลยมีเหตุการณ์หนึ่ง อีกฝ่ายโดนทำร้ายมา จึง โทร. มาร้องไห้กับตนตอนตีสองและขอมาหา ก็ลงไปรับ มันเริ่มต้นจากตรงนี้ อยู่ด้วยกันตลอด จนวันหนึ่งซีก็รู้สึกว่าอยากกอดผู้หญิงคนนี้ ก็ไปกอดเขาและค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ แต่ไม่สามารถบอกใครได้ อยู่อย่างนั้นประมาณ 3 ปี

"ซี ศิวัฒน์" เล่าต่ออีกว่า ความรู้สึกครั้งนี้ รู้สึกมากขึ้นจนถึงขนาดที่ไม่รู้เรียกว่ารักหรือเปล่า แต่มันทรมานมาก ๆ อีกฝ่ายก็ไม่สามารถบอกใครได้เช่นกัน และตนก็มีพาไปบ้านบ้าง น้องชายน่าจะรู้ แต่ว่าตอนนั้นแม่ยังไม่รู้ และไม่สามารถพูดคุยกันได้เลย มีอยู่วันหนึ่งแม่เข้ามาถามว่า"ทำไมทำแบบนี้ ลองคิดดูว่าถ้าเป็นผู้ชายแล้วมีคนมาทำแบบนี้กับแฟนเรา ซีจะรู้สึกยังไง"

"ซี ศิวัฒน์" เล่าต่อถึงช่วงพีคว่า นั่งรอโทรศัพท์ เมื่อไรเขาจะ โทร. มา จะ โทร. ไปหาเขาก็ไม่ได้ และจุดตัดขาดความสัมพันธ์ก็คือ มันถึงวันที่ซีรู้สึกว่าทุกข์ทรมาน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ รู้สึกตัวเองไม่มีศักดิ์ศรีเลย อยากจะดูหนังก็ต้องไปนั่งรอในโรงก่อน ต้องซื้อตั๋ว 3 ที่ ซื้อให้ตัวเอง ซื้อให้เขาและอีกที่หนึ่งเพื่อที่พออยู่ในโรงแล้วจะให้เขามานั่ง วันที่ตัดสัมพันธ์ ซีพูดออกไปว่า "บอกมา กี่เดือน กี่ปี ผมจะรอ บอกผมมาว่าจะเลิกกับเขาเมื่อไร ผมจะไม่ไปยุ่ง" ซึ่งผู้หญิงก็ไม่สามารถเลิกได้ เพราะเขาเป็นคนแบบนี้ รักใครก็ดูแล แต่เขาแค่อยู่แล้วทุกข์ เขาก็มาอยู่กับผม ซึ่งผมรับไม่ได้ และขอไปเอง "ซี ศิวัฒน์" กล่าว

ขอบคุณภาพ และ ข้อมูลจาก: แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก

เรียบเรียงข้อมูลโดย viralsfeedpro