เจ้าบ่าวเจ้าสาวเปิดใจ เส้นทางรัก เจอกันที่ใต้น้ำเมื่อ 4-5 ปีก่อน วิกกี้มาช่วยเป็นสตันต์ เพราะเป็นนักดำน้ำ ในละครเรื่องสัมปทานหัวใจ ตอนนั้นเวียร์ยังไม่อินเรื่องดำน้ำ แค่ไปขี่มอเตอร์ไซค์ออกทริป ละครก็ไม่ต้องถ่ายแล้ว หลังจากนั้นก็แยกย้ายไม่ได้เจอกัน

"เวียร์" เล่าว่า วิกกี้มาช่วยเป็นสตั๊นท์ เพราะเขาเป็นนักดำน้ำ ตอนนั้นตนยังไม่อินเรื่องดำน้ำ แค่ไปขี่มอเตอร์ไซค์ออกทริป ละครไม่ต้องถ่ายแล้ว หลังจากนั้นก็แยกย้ายแทบไม่ได้เจอกันเลย ย้อนกลับไปจนวันที่ได้มาเจอกันอีก ผมกลับมาจากถ่ายหนังที่ต่างประเทศ นึกถึงเขาเพราะถ่ายดำน้ำมา ก็ชวนเพื่อนๆ ที่เรียนดำน้ำด้วยกัน ก็เลยโทร. หาเผื่อเขาจะพาเราดำน้ำได้ ก็เลยได้ติดต่อเขาอีกครั้งหนึ่ง "ถามว่าเชิงจีบมั้ยคือ ณ ตอนนั้นโสดแล้วไง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรนะ มันเริ่มต้นจากอายุเราใกล้เคียงกัน เป็นเพื่อนกันมา และเราก็ผ่านอะไรมาเยอะ อายุก็ไม่ห่างกัน เวลาพูดคุยกันมันก็พูดกันตรง ๆ เราห่างการจีบผู้หญิงมานาน บางทีก็ไม่รู้อะ แล้วอายุจะขนาดนี้แล้ว ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงเลยคุยเรื่องที่เราชอบเหมือนกัน" เจ้าบ่าวป้ายแดงเล่าด้วยความอารมณ์ดี

ขณะที่ "วิกกี้" เผยว่า ถามว่าเริ่มจีบยังไง เขาจะชวนไปไหนมาไหนบ่อยๆ ชวนบ่อยมาก นางจะมีกิจกรรมตลอด ชวนไปเดินป่ามั้ย ชวนๆ ตลอด แต่วิกกี้ไม่ได้ไปเพราะไม่ว่าง มีทั้งไม่ว่างทิพย์ด้วยและไม่ว่างจริงๆ ด้วย ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร เพราะไม่ได้ดูโทรทัศน์ ครั้งแรกที่เห็นก็แบบเขาดูสูงๆ เนอะ "เวียร์" กล่าวเสริม "ตอนนั้นระหว่างกลับมา เราก็ชี้ให้เขาดู วิกกี้เห็นป้ายโฆษณานั้นมั้ย นั่นแหละเราเอง อยากอวดเฉยๆ"

"วิกกี้" เล่าต่อว่า ครั้งแรกที่พ่อแม่เจอพี่เวียร์ คุณแม่มาสะกิดแล้วถามว่า นี่ใช่พี่เคอรี่หรือเปล่า ตอนหลังพอเรารู้แล้วว่าเขาเป็นใคร ก็รู้สึกว่าไม่ดีกว่า อาจจะต่างด้วยความต่างของอาชีพ เขาเป็นนักแสดง เราก็เป็นนักธุรกิจ ทำให้เรามีกำแพงก่อน ด้าน"เวียร์" จึงเสริมทันทีว่า "สิ่งที่เราทำได้คือต้องทำให้เขาไว้ใจว่าเราอยากคุยด้วยจริงๆ อยากรู้จัก"

"วิกกี้" ได้เล่าอีกว่า "เขาก็ชวนหลายรอบมาก เขาไม่ละความพยายาม ก็เลยยอมไปก็ได้ ไปเพราะอยากรู้จักเขามากขึ้น เพราะเขาชวนไปในที่ที่เราอยากไป จนกระทั่งเขาเอาดำน้ำมาล่อ การดำน้ำคือสิ่งที่เราสนใจมาก ก็ไป พอเป็นเพื่อนกันมาเรื่อยๆ ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันตลอด ก็เลยสนิทขึ้น เราก็คิดอะไรเหมือนกันหลายๆ อย่าง เราก็มารู้ตัวว่าข้างในเราชอบอะไรแบบนี้ เช่น ถนนหลักมีเขาไม่ไป เขาจะพาเราขับเข้าป่า พอไปกับเขาเราก็รู้สึกปลอดภัย เขาเก่ง เรารู้สึกว่าเราสามารถพึ่งพาเขาได้ และเราก็อยู่ง่ายกินง่ายเหมือนกัน ไปไหนง่ายๆ มันก็เลยไม่มีปัญหาในเรื่องนี้" "เวียร์ " เล่าต่อว่า มันค่อย ๆ ซึมในสิ่งที่เราชอบเหมือนกัน ไม่ได้ชอบเหมือนกันทุกอย่าง แต่พอเราเจอในสิ่งที่เราชอบเหมือนกัน ก็ปรับกันไปปรับกันมา พอคนมันเริ่มรู้สึกดีกันแล้ว ความต่างของกันก็เลยทำให้เริ่มรับได้ ค่อยๆ ปรับกันมาเรื่อยๆ จากเพื่อนเริ่มมาเป็นแฟนกัน "คู่ชีวิตเราก็ต้องการคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ" "วิกกี้" ระบุ

"เวียร์" ยังดล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เราเป็นคนอยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต เติบโตมาด้วยตัวเอง จากเด็กต่างจังหวัดมาอยู่กรุงเทพฯ สู้ทุกอย่าง หลัก ๆ ก็คือคนเดียว เวลาเกิดอะไรขึ้นก็จะเอาตัวเองให้รอดก่อน ก็มีความเห็นแก่ตัวถ้าในมุมมองคนอื่น แต่วิกกี้เขามาเปลี่ยนเขาพูดตรง ๆ เลย ตอนแรกผมรู้สึกโกรธนะ เพราะเราก็เป็นคนแบบนี้ก็อยู่มาแบบนี้ "เราก็อยู่ได้ เรามีอีโก้ไง แต่เขาไม่ได้ พอลองเปลี่ยน ลองมองให้มันกว้างขึ้น ลองใส่ใจคนอื่นมากขึ้น เริ่มจากที่เขา เขาทำให้เราเป็นคนดีขึ้น เลยรู้สึกว่าถ้าอยู่กับคนที่เขาทำให้เราเป็นคนดีขึ้น เขาต้องเป็นภรรยาที่ดี เป็นเพื่อนที่ดีได้ เพราะเขากล้าที่จะพูดในสิ่งที่ไม่ดีของเรา" เจ้าบ่าวป้ายแดงเล่าไปด้วยรอยยิ้มปริ่มสุข

"วิกกี้" ยังได้เผยถึงโมเมนต์วันขอแต่งงานว่า วันขอแต่งงาน ช่วงเช้าเขาบอกจะจัดงานปาร์ตี้กัน ก็อาสาช่วย แต่เขาบอกว่าไม่ต้อง ก็รู้สึกตะหงิดแล้ว แล้วเขาบอกว่าทุกคนใส่ชุดสีขาว ตอนนั้นรู้สึกว่าเขาจะขอแต่งงานหรือเปล่า เพราะเขาเป็นคนเก็บความลับไม่เก่ง คือเราเหมือนรู้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะเซอร์ไพรส์ เพราะเขาไม่ใช่คนเซอร์ไพรส์ เราก็เลยเตรียมชุดขาวเอาไว้สวยๆ "1 ทุ่มก็แล้ว 2 ทุ่มก็แล้ว รอจนถึง 4 ทุ่มครึ่งก็เริ่มง่วงเมื่อไหร่จะขอแต่งงานสักที ขอบคุณที่รักมากที่อยู่ด้วยกัน ก็ขอให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ อยากให้ที่รักแข็งแรงๆ เราจะได้เป็นครอบครัวที่สุขภาพแข็งแรง ร่าเริงแฮปปี้ด้วยกันเนอะ จะได้ไปเที่ยวกันเยอะๆ ด้วย และหนูก็จะดูแลที่รักให้ดีที่สุดอย่างที่เคยสัญญาไว้ค่ะ"

ขอบคุณภาพ และ ข้อมูลจาก: weir19_darling,nongsa89,ifunnybooth

เรียบเรียงข้อมูลโดย viralsfeedpro