ทั้งนี้ ในมุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า ทั้งกลยุทธ์ด้านราคา ระบบปฎิบัติการ ความยาวนานของแบตเตอร์รี่ และกล้องถ่ายรูป ที่แอปเปิ้ลนำมาใช้ ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่คู่แข่งขันเจ้าถิ่นอย่าง หัวเว่ย และวีโว่ นำมาใช้อยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งการหั่นราคาของแอปเปิ้ลให้ถูกลง เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วก็ยังถือว่าแพงกว่า ดังนั้น แอปเปิ้ลจึงตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบอยู่ดี

ขณะเดียวกันยิ่งต้องเผชิญกับกระแสชาตินิยม อันสืบเนื่องมาจากสงครามการค้า ซึ่งทำให้สินค้าสัญชาติสหรัฐฯ เริ่มไม่เป็นที่นิยมเท่ากับสินค้าเมดอินไชน่า หรือสินค้านำเข้าจากที่อื่นๆ ขณะที่ หัวเว่ยก็ยังคงได้รับความเห็นใจจากผู้บริโภคในตลาดจีน เพราะถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ ก็ยิ่งทำให้ ไอโฟน รุ่นใหม่ของแอปเปิ้ล มีแนวโน้มไม่อาจเร่งยอดขายในช่วงปลายปีได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

นอกจากนี้ ด้วยระบบปฎิบัติการที่ยังไม่รองรับเครือข่าย5จี ตามที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า ก็ยิ่งสร้างความผิดหวังให้กับผู้บริโภคชาวจีนส่วนหนึ่งที่เห็นตรงกันว่า ถ้าต้องใช้สมาร์ทโฟนแอปเปิ้ลที่ไม่มีระบบ 5จี ก็สู้ไปสมาร์ทโฟนหัวเว่ยใช้ดีกว่า ทั้งนี้ หลายสำนักประเมินว่า แอปเปิ้ลน่าจะขายไอโฟนในตลาดจีนได้ราว 30-35 ล้านเครื่องตลอดทั้งปีนี้ ลดลงจากยอดขายสูงสุดที่แอปเปิ้ลเคยทำได้ในปี 2015 ที่อยู่ที่ 63 ล้านเครื่อง

ที่มา tnnthailand