คลังใจดี คืนสิทธิ์ ชิมช้อปใช้ ให้ผู้ถูกตัดสิทธิ์ 1 ล้านราย ใช้เงินไม่ทัน

คลังใจดี คืนสิทธิ์ ชิมช้อปใช้ ให้ผู้ถูกตัดสิทธิ์ 1 ล้านราย ใช้เงินไม่ทัน

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สศค ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศค ได้คืนสิทธิ์ให้กับผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ในมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ชิมช้อปใช้ ที่ไม่สามารถเริ่มใช้สิทธิ์ได้ทันภายใน 14 วัน หลังจากได้รับข้อความ SMS ยืนยันสิทธิ์ ทั้งเฟสแรก และเฟสที่ 2 จำนวนทั้งสิ้น 1 ล้านราย เนื่องจากตามหลักเกณฑ์เดิมจะต้องใช้สิทธิ์ชิมช้อปใช้ในจังหวัดไม่ใช่ภูมิลำเนาตัวเองจึงทำให้มีประชาชนบางส่วนใช้สิทธิ์ไม่ทัน

ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกคืนสิทธิ์จำนวน 1 ล้านราย จะสามารถใช้กระเป๋าเงินช่องที่ 2 ในแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ซึ่งมีการคืนเงินให้ 15 เปอร์เซ็น หากยอดใช้จ่ายไม่เกิน 30000 บาท และคืนเงินให้ 20 เปอร์เซ็น หากยอดใช้จ่ายเกิน 30000 แต่ไม่เกิน 50000 บาท คืนเงินสูงสุดรวมกัน 8500 บาทเท่านั้น โดยประชาชนสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ทุกจังหวัด แม้จะเป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิลำเนาตัวเองจนถึงวันที่สิ้นสุดโครงการ 31 มค 2563 เพียงแต่ครั้งนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์ในกระเป๋าเงินช่องที่ 1 จำนวน 1000 บาทแล้ว

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่เคยผ่านการยืนยันตัวตนจากการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและถ่ายรูปเปรียบเทียบใบหน้าในแอปพลิเคชันเป๋าตังแล้ว สามารถใส่รหัสเดิมที่เคยได้รับ เพื่อเปิดใช้งานในแอปพลิเคชันและรับสิทธิ์ได้ทันที ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้ายืนยันตัวตน จะต้องดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนในแอปพลิเคชันเพื่อรับสิทธิ์ดังกล่าวอีกครั้ง

ส่วนการลงทะเบียนของผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในชิมช้อปใช้เฟส 3 ขณะนี้ปิดรับการลงทะเบียนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ธค ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นสรุปยอดผู้สูงอายุมาลงทะเบียนทั้งหมด 280000 ราย จากเป้าที่วางไว้ 500000 ราย อย่างไรก็ตาม สิทธิ์ที่เหลืออยู่จำนวน 220000 ราย กำลังพิจารณาว่า จะนำกลับเข้ามาในระบบเพื่อให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนเพิ่มเติมหรือไม่

ขณะที่ยอดใช้จ่ายของประชาชนในมาตรการชิมช้อปใช้ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน จนถึงวันที่ 5 ธค 2562 มีผู้ใช้สิทธิ์รวม 3 เฟส เป็นจำนวน ทั้งสิ้น 11 ล้านราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 19233 ล้านบาท แบ่งเป็น ใช้จ่ายจากกระเป๋าเงินช่องที่ 1 ซึ่งรัฐบาลให้เงิน 1000 บาท จำนวน 11633 ล้านบาท และกระเป๋าเงินช่องที่ 2 จำนวนกว่า 7600 ล้านบาท

ประชาชนเริ่มใช้เงินผ่านกระเป๋าเงินช่องที่ 2 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเดือน พย ที่ผ่านมา ซึ่งมียอดใช้จ่ายสูงขึ้นมาก ดังนั้น การจะคืนเงินให้กับผู้ที่ใช้เงินในกระเป๋าเงินช่องที่ 2 ในเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในช่วงเดือน ธันวาคม นี้ จึงขอเวลาสรุปยอดการใช้จ่ายทั้งหมด ก่อนจะโอนเงินคืนให้ ซึ่งเรื่องนี้กรมบัญชีกลางจะเป็นผู้ดูแล

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ