เหลือคนเดียวแล้ว

เหลือคนเดียวแล้ว

เรียกได้ว่าเป็นซีรี่เรื่องยาวเลยทีเดียว จากกรณีการจากไปของน้องชมพู่ อายุ 3 ปี ที่ไปพบอยู่บนภูเหล็กไฟ จ.มุกดาหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ยาวนานร่วม 2 เดือน เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดระหว่างครอบครัวแม่น้องชมพู่กับครอบครัวลุงพลถึงขั้นประกาศแตกหักกันไปแล้ว เพราะทางด้านแม่น้องชมพู่เอ่ยปากออกสื่อว่าสงสัยลุงพล เมื่อทางครอบครัวลุงพลทราบเรื่องก็ขอพูดบ้าง ว่าตนเองนั้นก็สงสัยแม่กับพ่อน้องชมพู่เช่นกัน

ในส่วนของลุงพลก็มีคำถามคาใจเช่นเดียวกันที่เก็บไว้แต่ยังไม่เคยพูด ลุงน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ตนมีประเด็นสงสัยเพิ่มเติมกรณีบ้านน้องชมพู่ ทั้งเรื่องไม่ยอมขึ้นภูเหล็กไฟ ที่จนถึงวันนี้ก็ไม่เคยขึ้น ไม่เคยแม้แต่ไปเชิญดวงวิญญาณ ส่วนกระเป๋าที่พ่อชมพู่ให้ตนขึ้นไป ก็เพิ่งมาทราบว่ามีลิ้นจี่ที่เน่าแล้ว ตนก็ไม่รู้ว่าลิ้นจี่เน่า ครอบครัวชมพู่เตรียมกระเป๋าไว้ตั้งแต่วันไหนจนลิ้นจี่เน่า นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องถุงเสื้อผ้าน้องชมพู่ ที่เผาไปกับน้องชมพู่ ซึ่งครอบครัวชมพู่เผาไป ซึ่งไม่รู้ว่ามีเสื้อน้องชมพู่ที่หาไม่เจอ เผาไปด้วยหรือไม่ ซึ่งตนพยายามไม่คิดเรื่องประเด็นนี้ เพราะเป็นคนในครอบครัว ตนขอยืนยันว่ายังน้อยใจ ตนทำให้ทุกอย่าง ไม่เคยได้แม้คำขอบคุณ แต่ตอนนี้ไม่ต้องการแล้ว ตนไม่ขอแก้ตัว คนย่อมสงสัยได้ แต่ขอให้มีหลักฐาน

ล่าสุด ในเฟซบุ๊ก พันธนะ ไชยช่อฟ้า โพสต์ข้อความระบุว่า มีคนเดียวที่ฆ่าน้องชมพู่#บาปกรรมจริงๆหนอ พร้อมระบุว่า พูดมากไม่ดีครับ เร็วๆนี้มีข่าวดี รอติดตามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ ชัวที่สุด รู้แค่ว่า เหลือคนเดียวแล้วครับ รอรวบรวมหลักฐาน ออกหมายจับ ส่วนเรื่องแม่ชมพู่อ้างว่า กลัวประเด็นเป็นชู้ ตนก็คิดว่า แม่น้องชมพู่รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ชู้ ทำไมต้องกังวล หากแม่น้องชมพู่คิดแบบนี้ แสดงว่าแคร์คนในโลกโซเชียลมีเดียมากกว่าหรือไม่ ตนให้กำลังใจครอบครัวชมพู่เสมอ ตนอาจไม่ได้เดินไปบอก แต่ตนให้กำลังใจผ่านการกระทำ ให้การช่วยเหลือ อย่างตนไปรายการทีวี ได้เงินมา 3,000 บาท ก็มอบให้ครอบครัวน้องชมพู่ทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ตนก็ไม่มีเงิน ตนก็งงว่าคิดแบบนั้นกับตนได้อย่างไร วันนี้หากย้อนกลับไปได้ ตนรู้ว่าบั่นปลายจะมาถูกสงสัยจากแม่น้องชมพู่ ตนจะไม่ช่วยเหลือ จะนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ส่วนเรื่องบวช หากจบเรื่อง ตนจะบวชเหมือนเดิม เพราะตนทำเพื่อน้องชมพู่ ไม่ได้ทำเพื่อพ่อแม่น้องชมพู่

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ