หลังจากนั้นเมื่อลุงพลทราบเรื่องที่แม่น้องชมพู่สงสัยก็เกิดความเสียใจเป็นอย่างมากไม่คิดว่า แม่น้องชมพู่จะคิดแบบนี้กับตน จึงประกาศตัดญาติ เรื่องราวเริ่มบานปลายเพราะต่างฝ่ายๆต่างแฉกันไปมา และเรื่องราวดังกล่าวมีชาวโซเชี่ยลจำนวนมาก เกรงว่าลุงพลจะโดนหมายจับ และเชื่อว่าลุงพลไม่ได้ทำแน่นอน ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ก.ค.63 ที่ผ่านมา นางดอกไม้ (นามสมมติ) ชาวบ้านกกกอก เปิดเผยว่า ตนได้ยินชาวบ้านกกกอก เล่าต่อ ๆ กันมาว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 ในช่วงเช้านายอนามัย พ่อของน้องชมพู่ ได้ไปไถนา และมีการสวมใส่เสื้อสีส้ม แขนสั้น ส่วนตัวแล้วตนก็สงสัยในตัวพ่อน้องชมพู่ ว่าจะตรงกับเสื้อสีส้มที่แก๊งจำปาให้ข้อมูลการแต่งกายของคนร้ายหรือไม่ ที่ตนให้สัมภาษณ์ในวันนี้ ตนไม่ได้กล่าวหาพ่อน้องชมพู่แต่อย่างใด ตนก็เป็นชาวบ้านคนหนึ่ง ตนมีสิทธิ์ที่จะสงสัย เพราะทุกคนในหมู่บ้านก็ล้วนแต่เป็นผู้ต้องสงสัยทั้งหมด

สำหรับนายอนามัย เท่าที่ตนเองรู้จัก เขาจะเป็นคนไม่ค่อยพูด ถามคำตอบคำ แต่ก็เป็นคนปากหนักอยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม นางดอกไม้ยังบอกอีกว่า ชาวบ้านกกกอกหลาย ๆ คน รู้ข้อมูลดี แต่เขาไม่ค่อยอยากจะพูดกัน บางคนเห็นเหตุการณ์จริง ๆ แต่พอเจ้าหน้าที่ไปสอบถาม เขาก็บอกว่าไม่เห็น ต่อมา นางเปรี้ยว (นามสมมติ) ชาวบ้านรายหนึ่ง ที่ไปค้นหาน้องชมพู่ ในช่วงแรกที่น้องชมพู่หายตัวไป พร้อมกับนายอนามัย และนางสาวิตรี พ่อและแม่ของน้องชมพู่ โดยนางเปรี้ยว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 ตนทราบข่าวว่าน้องชมพู่หายตัวไปประมาณ 10 โมงกว่า ๆ จากนั้นตนก็ได้เดินไปที่บ้านน้องชมพู่ เพื่อช่วยตามหาน้องชมพู่ ก็เห็นนายอนามัย และนางสาวิตรี เดินค้นหาลูกสาวแถว ๆ เลยบ้านน้าต่าย สำหรับการแต่งกายของพ่อน้องชมพู่นั้น ตนก็เห็นนายอนามัยใส่เสื้อสีส้ม เป็นเสื้อแขนสั้น ส่วนกางเกงจำได้แค่ว่านายอนามัยใส่กลางเกงแขนสั้น แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นกางเกงสีอะไร ทั้งนี้ที่ตนไม่กล้าออกมาเปิดเผยในช่วงแรก ๆ เนื่องจากตนไม่คิดว่า คดีของน้องชมพู่จะกลายมาเป็นเรื่องใหญ่ และตนขอยืนยันว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 ตนอยู่บ้าน ก็ไม่เห็นรถลุงพลเข้ามาในซอยบ้านน้องชมพู่แต่อย่างใด และตอนนั้นตนก็ไม่ได้ยินเสียงรถยนต์มาจากทางบ้านน้าต่ายอีกด้วย ส่วนตอนที่รถไถนาของนายอนามัยขับเข้าไปในซอย ตนก็ไม่ได้เห็นเหมือนกัน แต่ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าตนเห็นพ่อน้องชมพู่ใส่เสื้อสีส้มแขนสั้น ด้วยสองตาของตัวเอง