เห็นสำนวนแล้วสบายใจ

เห็นสำนวนแล้วสบายใจ

ทนายตั้ม เข้าเยี่ยมลุงพล เปิดเผยแนวทางการต่อสู้คดี สุดมั่นใจ มีเพียงข้อสันนิษฐานไม่มีหลักฐานชัดเอาผิด เชื่อศาลเมตตาให้ประกันตัว ลุงพล สู้คดีนอกคุก

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 มิ.ย.64 ที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเยี่ยมนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ถึงแนวทางการสู้คดีว่า วางแนวทางไว้แล้ว ตั้งแต่ก่อนลุงพล ถูกหมายจับ โดยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ การให้สัมภาษณ์ว่า ดีเอ็นเอเกี่ยวกับลุงพล ทำให้สังคมเข้าใจผิด แต่ท้ายที่สุดคือไม่ใช่ แต่เป็นดีเอ็นเอที่เกี่ยวข้องกับลุงพล

ทำไมไม่ระบุไปเลยว่าเป็นดีเอ็นเอ ป้าแต๋น เพราะคงไม่ใช่ใครแล้ว เส้นผม 3 เส้นที่เจอ ก่อนหน้าระบุตัวตนไม่ได้ว่าเป็นใคร แค่ระบุว่าเป็นทางญาติทางแม่ ตำรวจต้องตอบสังคมว่า ใช้วิธีตรวจแบบไหน ถึงบอกว่าเป็นป้าแต๋น วิธีการตรวจเชื่อถือได้มากแค่ไหน

เวลาการสืบสวนสอบสวน เข้าใจว่าต้องการหาตัวผู้กระทำความผิด แต่การหาตัวผู้กระทำความผิด ไม่ใช่มุ่งไปว่าคนนี้ผิดแน่ๆ แล้วหาหลักฐานไปเพื่อทำให้เขาเป็นคนผิดให้ได้ มันต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เมื่อขึ้นศาลก็ต้องยืนยันให้มั่นคง ไม่ใช่ออกหมายจับได้แล้วชนะเลย การออกหมายจับเพิ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น ไม่ใช่จะปิดคดีนี้ได้ ถ้าวันหนึ่งศาลตัดสินว่าลุงพลผิด ท่านสุวัฒน์ สุดยอดเลยนายษิทรา กล่าว นายษิทรา กล่าวว่า หลังจากนี้จะยื่นประกันตัว แต่ต้องขอความเมตตาต่อศาล เพราะที่ผ่านมา ลุงพลไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ตามที่ตำรวจออกหมายจับ จึงอยากจะขอมาต่อสู้ข้างนอก เพราะถ้าหากไม่ได้ประกันตัว จะใช้เวลาต่อสู้ข้างในนาน โดยเตรียมพยานหลักฐานทุกมิติเพื่อแสดงต่อศาล โดยเตรียมไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ หลักฐานที่ตนเตรียมมาต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาคำตอบมาให้ได้เพื่อนำมาต่อสู้คดีกัน

ส่วนข้อกล่าวหาทั้ง 3 ข้อของตำรวจ มองว่าเป็นการคาดคะเนของชุดสืบสวน ไม่มีพยานเป็นประจักษ์บุคคลที่ชัดเจนว่า ลุงพลมีพฤติการณ์ตามที่ถูกออกหมายจับ นายษิทรา กล่าวว่า ส่วนที่เดินทางเข้ามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะตอนแรกไม่มั่นใจว่ามีหมายจับจริงหรือไม่ กระทั่งลุงพลมาถึงที่กรุงเทพฯ เลยแสดงความบริสุทธิ์ใจไปมอบตัว แต่จากที่มีกระแสข่าวว่า ผบ.ตร.ไม่รับมอบตัว ตนมองว่าหมายจับใช้ได้ทั่วราชอาณาจักร มีอำนาจจับ และมองว่า ผบ.ตร.เป็นพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ

พร้อมกับเป็นตำรวจที่รับดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น แต่หากท่านบอกว่าไม่มีอำนาจรับ มองว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้เช่นกัน และที่ไปมอบตัวเพื่อเป็นเหตุผลที่เสนอต่อศาลเพื่อขอพิจารณาประกันตัวนั้น ตนมองว่า ไม่มีใครอยากโดนล็อกตัว เพราะที่ไปก็สมัครใจมอบตัว ไม่ใช่ถูกจับ แต่ศาลดูเจตนาของการไปมอบตัวมากกว่า อย่างไรก็ตามคดีของลุงพล สำหรับตนแล้ว มองว่าเป็นคดีกระแส ไม่ได้มีความยากหรือทำให้รู้สึกกังวล ลุงพลแค่ถูกกล่าวหา ยังไม่ได้เป็นคนผิด หรือไม่ได้เป็นจำเลยด้วยซ้ำ การที่เอาลุงพลไว้ในคุก ไม่ทำให้ตำรวจทำงานง่ายขึ้นด้วยซ้ำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำสำนวนใกล้เสร็จแล้ว ส่วนความกังวลนั้น ยิ่งเห็นสำนวนยิ่งสบายใจ การแจ้งข้อหาที่เกิดขึ้น แต่ละข้อที่เป็นข้อหา ไม่พบพยานในสำนวนดังกล่าว ว่ามีคนเห็นการกระทำตามข้อหา นายษัทรา กล่าว

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ