ล่าสุด วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ข่าว 3 มิติ รายงานว่า ทางผู้สื่อข่าวได้ย้อนรอยเหตุการณ์วันเกิดเหตุตามคำให้การของกลุ่มคนที่อยู่บนเรือ โดยนายนิพนธ์ วัยพะโฉม กลุ่ม One One Team ที่เป็นคนนำเรือสปีดโบ๊ทไปช่วยค้นหาแตงโม เป็นคนสาธิตตามคำให้การของกลุ่มคนที่อยู่บนเรือว่าไปที่ไหนมาบ้าง ตั้งแต่จุดลงเรือ ไปยังร้านอาหารบ้านตานิด

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ในความเป็นจริง การปัสสาวะท้ายเรือสปีดโบ๊ท ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเวลาคนที่ดื่ม อาจจะปวดปัสสาวะง่ายอยู่แล้ว แตงโมน่าจะปวดจริง ๆ และไม่ไหวแล้ว ส่วนตอนที่ปัสสาวะ ทุกคนหันหน้าหนี คงไม่เป็นอะไร เพียงแต่ว่า ตอนที่ปัสสาวะนั้น ควรหยุดเรือ ไม่ควรทำระหว่างเรือแล่น เมื่อมาถึงร้านอาหารบ้านตานิด วัฒนา ชมกลิ่น พนักงานแคชเชียร์ เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นว่า เห็นแตงโมสดใสปกติ คนเหล่านี้มาถึงร้านตั้งแต่เวลา 18.30 น. โดยนั่งอยู่โต๊ะริมน้ำ นั่งรับประทานอาหารเหมือนลูกค้าทั่วไป และออกจากร้านเวลา 20.00 น. รู้สึกเสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์นี้กับเธอขึ้น เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ทุกคนเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว มีเพียงแตงโมที่ไม่ได้เข้า จากนั้นล่องเรือไปยังบริเวณสะพานพระราม 8 เพื่อถ่ายรูปโดยที่ไม่หยุดพัก แต่กลับเกิดเหตุร้ายบริเวณใกล้กับสะพานพระราม 7 เสียก่อน

ทั้งนี้ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวมีการทดสอบความเป็นไปได้ในการสวมบอดี้สูทและปัสสาวะท้ายเรือ ตรงจุดเกิดเหตุ ขณะที่เรือกำลังวิ่ง พบว่า ไม่สามารถทำได้เพราะอันตรายมาก เสี่ยงตกเรือ ถ้าจะทำต้องจอดเรือเท่านั้น ขนาดตอนจอดเรือยังโคลงเคลงหวิดตก ตรงจุดนี้ตรงกันข้ามกับคำชี้แจงของทั้ง 2 คน ซึ่งทั้ง 2 คนที่ยืนยันว่าสามารถทำได้ และตอนที่ปัสสาวะ แตงโมก็ใช้มือ 2 ข้างจับขาแซนไว้ ขณะเดียวกัน แม่ของแตงโม ยังคงคาใจกับคำชี้แจง และได้เปิดเผยว่า ลูกสาวตัวเองเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายร่างกาย ไม่ได้ตกเรือเพราะปัสสาวะ แต่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกัน พร้อมกันนั้น ยังเดินทางไปมอบหลักฐานนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชี้ว่า นี่ไม่ใช่การกินข้าวธรรมดา เพราะคนอื่นสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ส่วนแตงโมสวมชุดกระโปรงสวย ๆ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ viralsfeedpro.com