โควิด กับ ไข้หวัด คล้ายกันจนแยกไม่ออก แต่มีความต่าง จากอาการนี้

โควิด กับ ไข้หวัด คล้ายกันจนแยกไม่ออก แต่มีความต่าง จากอาการนี้

อาการของไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และ CV-19 มีสิ่งที่คล้ายกันคือ ลักษณะอาการ เพราะเป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ มีอาการที่คล้ายคลึงกัน แต่อย่างไรก็ตาม อาการของคนป่วยทั้งสองประเภทจะมีข้อบ่งชี้ว่าแท้จริงแล้วเราป่วยเป็นอะไร

โควิดสายพันธุ์ โ อ ไ ม ค ร อ น (Omicron) หรือ B.1.1.529 variant เป็นเชื้อ CV-19 สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนมากกว่า 50 ตำแหน่ง ถูกรายงานครั้งแรกในแอฟริกาใต้ โดยมีอาการหลัก ๆ ดังนี้ มีไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ หายใจลำบาก ได้กลิ่นลดลง

เราควรป้องกันตนเองจากการรับ เ ชื้ อ ไ ว รั ส CV-19 ทุกสายพันธุ์ โดยการ รับวัคซีนป้องกันโควิดให้ครบตามระยะเวลาที่เหมาะสม ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด สถานที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท ล้างมือบ่อย ๆ ดูแลสุขอนามัย เฝ้าระวังและสังเกตอาการอยู่เสมอ ถ้ามีอาการผิดปกติควรรีบตรวจหาเชื้อหรือไปพบแพทย์

"เทียบอาการโควิดกับไข้หวัด" โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus)อาการโดยทั่วไป มักจะไม่รุนแรง และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่พบปะปนกับสายพันธุ์ต่างๆ ทั่วไป อาการทั่วไปคล้ายกับโควิดโอไมครอนค่อนข้างมาก คือ มีไข้สูงเกิน 38 องศาฯ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หนาวสั่น เบื่ออาหาร คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน

อาการจะคล้ายกับการติด เ ชื้ อ ไ ว รั ส CV-19 ค่อนข้างมาก แต่ที่แตกต่างคือมักจะไม่มีอาการทางเดินหายใจส่วนล่าง คือ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก เมื่ออาการมีความคล้ายคลึงกัน ในระยะเริ่มต้นของอาการป่วยลักษณะนี้ เวลาที่ไปพบแพทย์ แพทย์จะทำการส่งตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่ก่อนอันดับแรก เพื่อตัดประเด็นความคล้ายคลึงกันของอาการออกไป

สำหรับอีกโรคที่มีความกังวลว่าเมื่อมีอาการแล้ว เข้าข่ายเป็น CV-19 หรือไม่ นั่นก็คือ "โรคภูมิแพ้" โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับอวัยวะที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันและความรุนแรงไม่เท่ากัน เพราะชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคลต่างกัน

อาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะเกิดตามอวัยวะที่มีการอักเสบจากการกระตุ้นของสารก่อภูมิแพ้ ได้แก่ ผื่นคัน คันจมูก จาม มีน้ำมูก คัดจมูก ไปจนถึงไอ หอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่คล่อง เป็นต้น ในคนที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว หากถามว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อCV-19 มากกว่าปกติหรือไม่ต้องบอกว่าไม่ได้มีความเสี่ยงมากกว่าปกติ แต่หากดูแลป้องกันตัวเองไม่ดีพอก็มีโอกาสติดเชื้อไวรัสCV-19 ได้อาการของโรคภูมิแพ้ ประกอบด้วย จาม น้ำตาไหล คันตา คัน/คัดจมูก อาจมีน้ำมูกไหล เกิดผื่นแพ้ต่าง ๆ ได้ การรักษาควรดูแลตัวเอง หลีกเลี่ยงจากสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ใช้ยาตามแพทย์สั่ง อาจล้างจมูก พ่นยาจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบได้ แต่หากเป็นภูมิแพ้และสงสัยว่าติดเชื้อ CV-19 ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อปรึกษาความเสี่ยง

การป้องกันโรคที่ดีที่สุดของทั้งภูมิแพ้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และ CV-19 คือ ล้างมือบ่อย ๆ ไม่เอามือไปสัมผัสหน้าตา หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนแออัดในช่วงที่มีการระบาด เว้นระยะห่าง (Social Distancing) ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ในผู้สูงอายุละเด็กควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ห่างไกลโรค

ขอบคุณภาพจาก pixabay,โรงพยาบาลสินแพทย์ , bangkokhospital

เรียบเรียงข้อมูลโดย viralsfeedpro

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ